ตามรอยพระบาทพระศาสดา
นมัสการสังเวณียสถาน 4 ตำบล
อินเดีย เนปาล 8 วัน 7 คืน
วันที่ 1 กรุงเทพฯ - พุทธคยา
เริ่มต้นตามรอยพระบาทพระศาสดา
09.30 น. นัดพบคณะเดินทางที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาขาออก เคาน์เตอร์สายการบินไทยสไมล์ (Thai Smile - WE) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยดูแลอำนวยความสะดวกในเรื่องเอกสาร สัมภาระและเตรียมความพร้อมในการติดต่อสื่อสารกลับเมืองไทย ก่อนขึ้นเครื่อง
12.00 น. ออกเดินทางสู่ พุทธคยา โดยสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบินที่ WE 327 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) เวลาของประเทศอินเดียเดินช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที
14.00 น. เดินทางถึง สนามบินพุทธคยา หลังจากขั้นตอนสนามบินและพิธการศุลกากรแล้ว นำท่านสู่ สังเวชนยี สถานแห่งแรก กราบนมัสการพุทธสถานที่สำคัญบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ และองค์พระมหาเจดีย์พุทธคยา อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า องค์เจดีย์สี่เหลี่ยมมที่มีความสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วย โบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ นมัสการพระแท่นวัชรอาสน์ที่สร้งงโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธเมตตาภายในองค์พระเจดีย์พุทธคยา อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรม สระมุจลินทร์ พร้อมฟังการบรรยายโดยพระวิทยากร อธิบาย ถึงความสำคัญของสถานที่ต่างๆ และสวดมนต์ ภาวนา แล้ว ชมวัดนานาชาติเช่น วัดไทย วัดญี่ปุ่น วัดภูฏาน ฯลฯ (จำนวนวัดขึ้นกับเวลา) นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
18.00 น. รับประทานอาหารคำในโรงแรม
วันที่ 2 พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา – ไวสาลี
พุทธวิทยาลัยแห่งแรกของอินเดีย
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่ราชคฤห์(Rajgir) เมืองที่เคยยิ่งใหญ่เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธในสมัยพุทธกาล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30นาที) พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานตั้งมั่นที่นี้มาโดยตลอดเพราะการอุปถัมภ์บำรุงของพระราชาผู้ทรงธรรมของเมือง เมืองราชคฤห์จึงเต็มไปด้วยโบราณสถานต่างๆ มากมาย นำท่านขึ้นชมเขาคิชกูฎ(Griddhakuta, Vulture's Peak) คือหนึ่งในเบญจคีรี หรือภูเขา 5 ลูก ได้แก่ เวภาระ เวปุละ คิชฌกูฎ อิศิคิลิ และปัณฑวะ เขาคิชกูฎมีลักษณะเหมือนนกแร้งหรือเป็นที่กาะอาศัยของฝูงแร้งที่มาคอยกินซากศพโจรที่ถูกประหารและทิ้งลงเหว ในบริเวณโดยรอบเขาคิชกูฏนั้น นับว่าเป็นที่สัปปายะของเหล่าพระอริยสาวกในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า เป็นที่จำพรรษาของพระอรหันต์หลายองค์ เช่น พระสารีบุตร พระอานนท์ พระมหากัสสปะ พระอนุรุทธะ พระปุณณมันตานีบุตร และพระอุบาลี เป็นต้น เพื่อนมัสการ ณ กุฏิพระพุทธองค์ กุฏิพระอานนท์ ถ้ำสุกรขาตา ที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์และถ้ำพระมหาโมลคัลลานะ และสถานที่พระเทวทัตกลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธองค์
ชมทิวทัศน์ของเมืองราชคฤห์จากพื้นสูง (การขึ้นเขาคิชกูฎ ซึ่งเป็นการเดินขึ้นที่สูง ลาดชันพอประมาณ ระยะทางโดยรวมประมาณ 750 เมตร ทุกท่านจะต้องเดินขึ้น รถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปถึงได้ ผู้ที่แข็งแรงสามารถเดินขึ้นได้ ใช้เวลาประมาณ 30 - 45 นาทีก็ถึงหมายเหตุ : สำหรับท่านที่คิดว่าเดินไม่ไหว สามารถนั่งเสลี่ยงโดยมีคนหามขึ้น-ลงได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน เพื่อติดต่อแขกให้เรียมคานหามไปรอที่เชิงเขา (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 1,500 รูปี)
11.30 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไป นาลันทา (Nalanda) เมืองหลักพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลนาลันทา บางครั้งเรียกว่า นาลกคาม เป็นบ้านเกิดและที่นิพพานของพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา อยู่ในแคว้นมคธ อยู่ห่างจากราชคฤห์ประมาณ 12 กิโลเมตร นำท่านนมัสการหลวงพ่อองค์ดำ ประดิษฐานอยู่นอกรั่วมหาวิทยาลัยนาลันทาเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือมาก ชาวบ้านที่นี่รียกว่า เตลิยบาบา หรือหลวงพ่อน้ำมัน ว่ากันว่าใครขอพรอะไรก็จะสมหวัง พระพุทธรูปสร้างจากหินสีดำลักษณะงดงามมาก นำท่านเดินทางสู่ เมืองไวสาลี เมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป เรียกกันหลายชื่อว่า ไวสาลี ไพสาลี หรือ เวสาลี ก็ได้ ในสมัยพุทธกาลเคยเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญยิ่งอีกแห่งหนึ่ง
18.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม พักที่ Vaishali Residency Hotel, Vaishali หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 3 ไวสาลี - ป่ามหาวัน - กุสินารา – วัดไทยกุสินารา
มกุฏพันธนเจดีย์ แห่งเมืองกุสินารา
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางไป กุฏาคารศาลาป่ามหาวัน สถานที่ที่พระพุทธองค์ปลงพระชนมายุสังขาร เป็นสถานที่ที่กำเนิดภิกษุณีรูปแรกเป็นที่ที่ทำน้ำมนต์เป็นที่แรก ที่นี่ยังมีเสาอโศกที่สมบูรณ์ ที่สุดในประเทศอินเดีย แล้วนำท่านเดินทางต่อสู่ กุสินารา
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง
เมื่อถึงกุสินรา นำท่านไปนมัสการมกุฎพันธเจดีย์ (Makutabandana Stupa) สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระ สังขารของพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลม แล้วเดินทางไป ว้ดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเป็นพุทธบูชาและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อวัดให้ เชิญท่านร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม พักที่ Metteye Residency, Kushinagar หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 4 กุสินารา - ปรินิพพานสถูป - วัดไทย 960 - ลุมพินี (ประเทศเนปาล)
สถานที่ปรินิพพานพระศาสดา
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ สังเวชนียสถานแห่งที่ 2 นมัสการสถานที่ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน มีต้นสาละปลูกไว้เป็นอนุสรณ์ นมัสการมหาปรินิพพานสถูป และเข้าไปสักการะพระพุทธรูปปางอนุฏฐิตสีหไสยาสน์ คือปางเสด็จบรรทมครั้งสุดท้ายภายในวิหารปรินิพพาน เดิมเป็นอุทยานของมัลละกษัตริย์ มีสถูปและวิหารปรินิพพาน ต้นสาละซึ่งป็นสถานที่ปรินิพพาน ก็มีปลูกเป็นสัญลักษณ์หลายต้น ท่านจะได้เห็นต้นสาละที่แท้จริงที่นี่ ส่วนที่สมัยก่อนนักปราชญ์ของเราแปลต้นสาละว่า "ต้นรัง"นั้น ความจริงแล้วอาจเป็นตระกูลเดียวกัน แต่ไม่ใช่ต้นรังตามที่เชื่อกัน นำท่านนมัสการองค์ปรินิพพานสถูป มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูงใหญ่มีฉัตร 3 ชั้น ตอนบนสุดได้พังลงมาเมื่อปลายปี 2506 ปัจจุบันเห็นเพียงครึ่งท่อน ถัดมาเป็นปรินิพพานวิหารพระพุทธรูปปางไสยาสน์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขนาดใหญ่ ให้ท่านได้ร่วมกันทำสมาธิภาวนา
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านเดินทางสู่ ลุมพินี (เนปาล) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง) ระหว่างทางให้ท่านได้แวะเข้าห้องน้ำที่วัดไทย 960******โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวท่านเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่ประเทศเนปาล *****
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมพักที่ Pawan Palace, Lumbini หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 5 ลุมพินี - สถานที่ประสูติ - เสาพระเจ้าอโศกมหาราช - มายาเทวีวิหโบกขรณี -สาวัตถี
รุมมินเด สถานที่ประสูติ
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมจากนั้นนำท่านเดินทางไปนมัสการ สังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่ประสูติ ซึ่งเชื่อกันว่าบริเวณที่ประสูติของสิทธัตถราชกุมาร คือ จุดที่เสาพระเจ้าอโศกมหาราชตั้งอยู่ยังมีข้อความภาษาพราหมีจารึกไว้อย่างสมบูรณ์ เขียนว่าเป็นสถานทีประสูติของ องค์สมเด็จพระมาสัมพุทธเจ้า นำท่านนมัสการมหามายาเทวีวิหาร (The Mahamaya Devi Temple) ภายในมีศิลาสลักภาพพุทธประวัติปางประสูติ เป็นรูปพุทธมารดาอยู่ในพระอิริยาบถยืนพระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งไม้สาละ มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะออกมาทางปัสสะขวาของพระพุทธมารดา านหน้ามหามายาเทวีวิหารมีสระโบกขรณี (The Sacred Pond ) ซึ่งเป็นที่สงสนานของพระนางสิริมหามายาเทวีก่อนและหลัง ให้ประสูดิกาลพระกุมาร นำท่านเดินทางไปทำบุญที่ วัดไทยลุมพินี
11.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน.
นำท่านเดินทางกลับประเทศอินเดีย ******โปรดตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวท่านเพื่อประทับตราออกจากประเทศเนปาลเข้าสู่ประเทศอินเดีย***** ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4ช.ม.เดินทางถึง สาวัตถี (Sravasti) เมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล รุ่งเรืองจากการที่เป็นชุมนุมการค้าขาย การทหาร เป็นเมืองมหาอำนาจใหญ่ควบคู่กับเมืองราชคฤห์แห่งแคว้นมคธในสมัยโบราณ ปัจจุบันยังมีโบราณสถานที่สำคัญปรากฎร่องรอยอยู่ คือ วัดเชตวันมหาวิหาร (ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ถึง 19พรรษา ), บริเวณวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล, บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี (สถูป), สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ (หน้าวัดพระเชดวันมหาวิหาร), ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ แล้วเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา เป็นต้น
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมพักที่ Platinum Residency Sravasti หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 6 สาวัตถี - วัดเชตวันมหาวิหาร – อนาถบิณฑิกเศรษฐีบ้านองคุลีมาล- พาราณสี
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
จากนั้นนำท่านไป วัดเชตวันมหาวิหาร สร้างโดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี บนที่ตั้งของเชตวันหรือสวนเจ้าเชตนอกเมืองสาวัตถี วัดนี้ดปันวัดที่พระพุทธเจ้าจำพรรษ ามากที่สุดถึง 19 พรรษา และยังเป็นสถานที่เกิดเรื่องราวต่างๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย
นำท่านชม บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นเรือนที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีอาศัยอยู่ เดิมมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเยกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยากอนาถบิณฑิกเศษฐี ได้ไปค้าขายและได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์จนบรรลุเป็นพระโสดาบันท่านจึงมีศรัทธาสร้างวัดเชตะวันมหาวิหารถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำท่านชมบ้านองคุลีมาล แต่เดิมนั้นองคุลิมาลชื่อว่าอหิงสกะ สามารถเรียนได้รวดเร็วอีกทั้งยังปรนนิบัติอาจารย์อย่างดี จนเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์อย่างมาก เป็นเหตุให้ศิษย์อื่นริษยา จึงยุยงอาจารย์ว่าองคุลิมาลคิดจะทำร้าย อาจารย์จึงคิดจะกำจัดองคุลิมาลเสีย โดยบอกกองคุลิมาลว่า ถ้าจะสำเร็จวิชาต้องฆ่าคนให้ได้ 1,000 คนเสียก่อน องคุลิมาลจึงออกเดินทางฆ่าคน แล้วตัดนิ้วหัวแม่มือมาคล้องที่คอเพื่อให้จำได้ว่าฆ่าไปกี่คนแล้ว เหตุนี้เอง อหิงสกะจึงได้รับสมญานามว่า องคุลิมาล เมื่อฆ่าจนครบ 999 คน ก็มาพบพระพุทธเจ้า และได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาออกบวชเป็นพุทธสาวกในที่สุด
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
นำท่านเดินทางไป พาราณ (Varanasi) เมืองเก่าแก่กว่า 5,000 ปี ไม่เคยร้าง มีการสืบ
ทอดประเพณีของศาสนาพราหมณ์ / ฮินดู อย่างต่อเนื่อง
20.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมพักที่ The Fern Hotel Varanasi หรือโรงแรมในระดับเดียวกัน
วันที่ 7 พาราณสี - สารนาถ – พุทธคยา
กำเนิดธัมมจักกัปปวัตนสูตร
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางไป สารนาถ สังเวชนียสถานแห่งที่ 4 สถานที่แสดงปฐมเทศนา อิสิปตนมฤคทายวัน เป็นการแสดงธรรมครั้งแรกที่มีชื่อว่า พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร สักการะธัมเมกขสถูป ที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และ ฤษีโกณทัญญะบรรลุโสดาบัน ทูลขอบวชเป็นพุทธสาวกรูปแรก และเป็นวันแรกที่มีพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ครบองค์รัตนตรัย กราบสักการะยสเจดียสถาน สถานที่แห่งความไม่ขัดข้อง ไม่มีความวุ่นวายเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก มีอาคารสี่เหลี่ยม มุงไว้เป็นอย่างดี สถานที่นี้เชื่อกันว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงอิทธาภินิหารโปรดพระยสกุลบุตร ผู้เป็นบุตรเศรษฐี แห่งเมืองพาราณ ด้วยอนุปพพิกถาในข้อธรรมที่แสดงทาน ศีล สวรรค์ เนกขัมมะ กามาทีนพ ตามลำดับ เป็นผลให้ ยสมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม และให้บิดาได้เป็นปฐมอุบาสก มารดาและภรรยาได้เป็นปฐมอุบาสิกา ณสถานที่นี้อีกด้วย และนำท่านสู่พิพิธภัณฑ์สารนาถ ที่จัดแสดงและเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ในบริเวณสารนาถเช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ เทวรูป เครื่องใช้สอยในยุคนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิมากรรมที่เป็นเลิศคือพะพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่งดงามยิ่งนัก สิงห์อันเป็นตราราชการแผ่นดินของอินเดีย
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางกลับสู่ พุทธคยา โดยทางรถ (ใช้เวลาโดยประมาณ 6 ชม.)
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมพักที่ Mahabodhi Hotel, Bodhgaya หรือในระดับเดียวกัน
วันที่ 8 พุทธคยา - กรุงเทพฯ
สถานที่แสวงบุญ
06.30 น. บประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านไปกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระพุทธเมตตา อีกครั้งก่อนเดินทางกลับเมืองไทย แล้วนำท่านชม บ้านนางสุชาดา ผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาส (ข้าวที่หุงด้วยนมโคล้วน)ให้กับพระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสรู้ ระหว่างทางไป
บ้านนางสุชาดาจะต้องนั่งรถผ่านแม่น้ำเนรัญชราซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่พระศาสดาได้รับการถวายข้าวมธุปายาสพร้อมถาดทองคำจากนางสุชาดาและพระองค์ได้อธิษฐานจิตเสี่ยงทายหากพระองค์ท่านสามารถตรัสรู้ได้ ขอให้ถาดทองคำลอยทวนสายน้ำ
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ สนามบินพุทธคยา
15.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบินที่ WE328
19.35 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ